Select Page

หลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
การตรวจติดตามของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รุ่นที่ 6

 (PDPA Compliance Audit Workshop for DPOs)

 

มุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สามารถทำหน้าที่ในการตรวจติดตามเพื่อให้เป็นไปตามที่พระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้

Key Highlights

    • เรียนรู้และเข้าใจสาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
    • แนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางของ GDPR (General Data Protection Regulation)
    • เตรียมความพร้อมให้ดำเนินการอย่างสอดคล้องกับโครงสร้างของการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บันทึกกิจกรรมการประมวลผล การแจ้งเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนนำข้อมูลไปใช้งาน หนังสือขอความยินยอม และสาระสำคัญอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่กำหนดไว้
    • การประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัว (Privacy Impact Assessment – PIA หรือ Data Protection Impact Assessment – DPIA)
    • การออกแบบกระบวนการและระบบเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy by Design and Privacy by Default)
    • มาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
    • ฝึกปฏิบัติเข้มข้นจำนวน 8 Workshop เน้นการตรวจประเมินเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามสาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

หลักการและเหตุผล

          ด้วยความก้าวหน้าและความง่ายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หน่วยงานและองค์กรต่างๆ จึงมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการหรือผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการจัดเก็บอยู่ในระบบงานต่างๆ ขององค์กร ในอดีตที่ผ่านมา ยังไม่ได้มี พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บังคับใช้งาน (จากนี้ไปขอเรียกว่ากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ที่มีสาระสำคัญเพื่อช่วยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเหล่านั้น จึงทำให้ในปัจจุบันยังคงมีการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความเสียหาย หรือสร้างความเดือดร้อนและรำคาญต่อเจ้าของส่วนบุคคลก็เป็นได้
เพื่อเป็นการป้องกันการล่วงละเมิดดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้มีโทษตามที่กฎหมายกำหนด (นับตั้งแต่ความรับผิดทางแพ่ง โทษอาญา และโทษปกครอง) การมีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนมีทักษะที่ถูกต้องในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อทุกหน่วยงานหรือองค์กรที่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักรไทย

          ผู้ที่ทำหน้าที่ในการตรวจติดตามการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กรให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด คือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection officer – DPO) จึงมีบทบาทที่สำคัญกับทุกองค์กร ที่ควรจะได้มีการแต่งตั้งและมอบหมายเพื่อคอยทำหน้าที่ในการสอดส่องและดูแลการเข้าถึงและใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

          หลักสูตรนี้จึงมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม กฎหมายได้อย่างถูกต้อง

          สาระสำคัญของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจ ตลอดจนทักษะเพื่อเตรียมความพร้อมตนเองในการตรวจติดตามองค์กรให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบด้วย

          • โครงสร้างของการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล : การกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กรจำเป็นต้องมีโครงสร้างในการกำกับดูแล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องมีความรู้ในโครงสร้างดังกล่าว ตลอดจนต้องมีความรู้และความเข้าใจว่าตนเองมีบทบาทอย่างไร
          • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล : เนื่องจากการกำกับดูแลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องเริ่มต้นจากการจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องมีบทบาทในการให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรได้มีการจัดทำ การพิจารณาความครบถ้วนและความสมบูรณ์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงเป็นภาระหน้าที่หนึ่งของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
          • บันทึกกิจกรรมการประมวลผล : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องมีและใช้บันทึกกิจกรรมการประมวลผลเพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ บันทึกนี้จะถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงมีความจำเป็นต้องเข้าใจในสาระสำคัญของบันทึกกิจกรรมการประมวลผลและการใช้ประโยชน์จากบันทึกดังกล่าว
          • การแจ้งเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล : วงจรชีวิตของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประเภทหนึ่งภายในองค์กรจะต้องเริ่มต้นจากการแจ้งเพื่อขอเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือที่เรียกกันว่า Privacy Notice (ต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบก่อนนำข้อมูลไปใช้งาน) การที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดทำ Privacy Notice จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้
          • หนังสือให้ความยินยอมการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Consent) : กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องเก็บรวบรวมนั้นมีความอ่อนไหว (Sensitive) องค์กรจำเป็นต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น การมีความรู้และความเข้าใจในสาระสำคัญของหนังสือให้ความยินยอมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องมีความรู้นี้
          • สัญญาจ้างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล : กรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องจ้างหน่วยงานภายนอกเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กร เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับความครอบคลุมและความครบถ้วนของสัญญาจ้าง ที่กระทำกับหน่วยงานภายนอก ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงานภายนอกปฏิบัติตามเงื่อนไข และข้อตกลงในสัญญาจ้างที่ทำไว้กับองค์กร รวมทั้งยังมีความสอดคล้องกับกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้กำหนดไว้
            สองหัวข้อที่ตามมานี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แม้ว่ามาตรการ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ได้ระบุไว้ก็ตาม โดยเหตุผลที่กล่าวไว้ด้านล่าง
          • การประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัว (Privacy Impact Assessment – PIA หรือ Data Protection Impact Assessment – DPIA) : การประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยพื้นฐานแล้วเป็นการประเมินบริบท ปัจจัยภายในและภายนอก ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อันจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ การประเมินผลกระทบนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับการประเมินความเสี่ยงที่มีต่อข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดแผนการจัดการกับความเสี่ยงตามความเหมาะสม การประเมินผลกระทบดังกล่าวจะช่วยให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเห็นบริบทและสภาพของการประมวลผลของข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรมีการควบคุมและใช้งานอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสามารถให้ข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงการดำเนินการต่างๆ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามความจำเป็น
          • การออกแบบกระบวนการและระบบเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy by Design and Privacy by Default) และเพื่อให้มีความมั่นคงปลอดภัย : หลักการสากลที่ควรใช้ในการออกแบบกระบวนการและระบบสนับสนุนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประมวลผลและมีความมั่นคงปลอดภัย เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลควรมีความรู้และความเข้าใจในหลักการสากลดังกล่าวด้วย

                หลักสูตรนี้ได้มีการออกแบบเพื่อให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองส่วนบุคคลสามารถฝึกปฏิบัติตามสาระสำคัญในข้างต้นทั้งหมดอย่างครบถ้วน และเพื่อเป็นการเตรียมองค์กรให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม อันจะนำสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

ลงทะเบียนหลักสูตร

วัตถุประสงค์ของหลักสูตร

    1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้และความเข้าใจในสาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และสามารถปฏิบัติตามความต้องการของกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
    2. เพื่อให้แนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางของ GDPR
    3. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมฝึกตรวจติดตามโดยใช้กรณีศึกษาต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงและการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
    4. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมฝึกประเมินผลกระทบความเป็นส่วนตัว และให้ข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงการดำเนินการต่างๆ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามความจำเป็น
    5. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมฝึกการตรวจประเมินกระบวนการและระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผล และมีความมั่นคงปลอดภัย

วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
ผู้เข้าร่วมอบรม

  1. มีความรู้และความเข้าใจในสาระสำคัญของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง
  2. ผลการตรวจติดตามของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแสดงถึง ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่มีความสอดคล้องกับตามที่กฎหมายกำหนดไว้
  3. ผลการประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวมีความถูกต้อง
  4. ผลการตรวจประเมินกระบวนการและระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลมีความถูกต้อง

กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายหลัก

  1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
  2. ผู้ตรวจสอบภายใน

กลุ่มเป้าหมายดังนี้
จะได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
  2. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor)
  3. ผู้บริหารและผู้จัดการที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
  4. ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลให้เป็นไปตามที่กฎหมายและระเบียบข้อบังคับกำหนด
  5. ผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย
  6. ผู้ที่สนใจทั่วไป เกี่ยวกับการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด

โครงสร้างหลักสูตร

          หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเตรียมความพร้อมขององค์กรให้สามารถดำเนินการอย่างสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัว การออกแบบกระบวนการและระบบเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยตลอดจนการฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นอย่างเข้มข้น รวม 18 ชั่วโมง / 3 วันทำการ

หัวข้อ ชั่วโมง ครั้ง (วัน)
บรรยาย 9 1.5
ฝึกปฏิบัติการ (Workshop) 9 1.5
รวม 18 3 วันทำการ

 

เนื้อหาหลักสูตร ประกอบด้วย

      • สาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
      • แนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางของ GDPR
      • โครงสร้างของการกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร บทบาท และหน้าที่ความรับผิดชอบ
      • นโยบายและแนวปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
      • บันทึกกิจกรรมการประมวลผล
      • การแจ้งเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
      • การขอความยินยอม
      • การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
      • การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
      • การขอใช้สิทธิโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
      • การจัดการการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
      • การประเมินผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัว
      • การออกแบบกระบวนการและระบบเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
      • การประเมินด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของระบบงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
      • การฝึกปฏิบัติในการตรวจติดตามของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

วิทยากรประจำหลักสูตร

ดร. บรรจง หะรังษี

ดร. บรรจง หะรังษี

รองกรรมการผู้จัดการ และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ
บริษัท ที-เน็ต จำกัด

ดร. ดวงกมล ทรัพย์พิทยากร

ดร. ดวงกมล ทรัพย์พิทยากร

ผู้เชี่ยวชาญและผู้ตรวจสอบด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ที-เน็ต จำกัด

ระยะเวลาของหลักสูตร

ระหว่างวันที่ 18 – 20 ธันวาคม 2567
เวลา 9.00 – 16.00 น.
(รวมระยะเวลาอบรม จำนวน 3 วัน)

ค่าลงทะเบียน

ท่านละ 24,500 บาท (ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

  • เฉพาะหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรของรัฐ ที่ไม่ใช่ธุรกิจ
    และไม่แสวงหากำไร จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • โปรโมชั่นพิเศษ!!! ลงทะเบียนหน่วยงานเดียวกัน
    ตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป รับส่วนลดทันที 10%

หมายเหตุ

  • กรุณาชำระเงิน ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2567
  • สถาบันฯ เป็นหน่วยงานราชการ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าลงทะเบียนรวม อาหารกลางวัน และอาหารว่าง 2 มื้อต่อวัน เอกสารประกอบการอบรมและภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ข้าราชการมีสิทธิ์เบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบกระทรวงการคลังและเข้าร่วมอบรมสัมมนาโดยไม่ถือเป็นวันลา
  • หากท่านต้องการยกเลิกการลงทะเบียนกรุณาแจ้งยืนยันการยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนวันจัดงาน หากการแจ้งยกเลิกล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดดังกล่าว ทางสถาบันฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าดำเนินการ คิดเป็นจำนวนเงิน 30% จากค่าลงทะเบียนเต็มจำนวน
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงวิทยากรและกำหนดการบรรยายตามความเหมาะสม
  • ค่าใช้จ่ายในการส่งบุคลากรเข้าอบรมทางวิชาชีพของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 200%

สถานที่จัดฝึกอบรม

โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพ
เลขที่ 9 ถนนราชปรารภ แขวงประตูน้ำ
เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400

เกณฑ์การประเมินผล

ผู้เข้าอบรมต้องมีเวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 80% และทำกิจกรรมทุกหัวข้อของหลักสูตร จึงจะได้รับวุฒิบัตร
จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

CONTACT

PHONE & E-MAIL

 

สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต
(Career for the Future Academy)

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

โทรศัพท์ : 0 2644 8150 ต่อ 81891 (คุณนิพัฒน์)
          0 2644 8150 ต่อ 81898 (คุณฉวีวรรณ)
โทรสาร : 0 2644 8110
E-MAIL : npd@nstda.or.th

ADDRESS

 

สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต
(Career for the Future Academy)

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

73/1 อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ชั้น 6 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400