หลักสูตรการศึกษาดูงาน
ความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืนและโอกาสการลงทุน
ในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้
(Study Visit on Sustainable Business Success and Investment Opportunities
in the Special Economic Zone of Southern Laos: BSO)
เก็บเกี่ยว Best practices เสริมวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน
ด้วยประสบการณ์ตรงและ สถานที่จริง!! เห็น โอกาสและมุมมองใหม่ ๆ
ขยายผลการลงทุน สู่ความร่วมมือในระดับประเทศและระดับสากล
Key Highlights
-
- ได้รับความรู้และประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างสังคมที่มีความสุข
- ศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ ฟาร์มไฮโดรโปรนิกส์ขนาดใหญ่ และโรงงานผลิตที่มีชื่อเสียง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และจังหวัดอุบลราชธานี
- เห็นนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศไทย-ลาว รวมถึงศักยภาพและโอกาสในการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ และชายแดนไทย-ลาว
- ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ และนักลงทุน เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความยั่งยืนของธุรกิจ การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจ
- ได้รับความรู้และประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างสังคมที่มีความสุข
หลักการและเหตุผล
ในเศรษฐกิจโลกที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นแนวทางที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน หลักสูตรนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เห็นตัวอย่างธุรกิจจริงในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้และประเทศไทย (จังหวัดอุบลราชธานี) ที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงานทดแทน การเกษตรที่ยั่งยืน และการผลิตสินค้าส่งออกที่สามารถเติบโตได้ในตลาดโลก ได้แก่ โรงงานผลิตเบียร์ลาว AGRO VEGE FARM โรงงานผลิตกาแฟดาวเรือง โรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ เขื่อนสิรินธร และโรงงานผลิตเอทานอล ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับประสบการณ์ตรง มีความเข้าใจ และสามารถนำแนวคิดที่ได้รับไปประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อยอดในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ หลักสูตรนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายและโอกาสในการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมจำปาสัก ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน และการบริการ และเป็นประตูเชื่อมโยงการค้ากับประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม มีพรมแดนเชื่อมต่อกับจังหวัดอุบลราชธานีของไทย เขตนิคมอุตสาหกรรมจำปาสักเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในด้านการลงทุนจากต่างประเทศ การสนับสนุนจากภาครัฐและการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้นักลงทุนจากหลายประเทศเข้ามาลงทุน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ และนักลงทุนทั้งใน สปป.ลาว และประเทศไทย และเสริมสร้างวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนและการบริหารจัดการธุรกิจที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
วัตถุประสงค์
-
- เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเก็บเกี่ยว Best Practices ผ่านการศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว (เขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ แขวงจำปาสัก และจังหวัดอุบลราชธานี)
- เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว และโอกาสในการลงทุน และการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
- เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ระหว่างผู้เข้าร่วมอบรมและองค์กรต่าง ๆ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจในอนาคต
- เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยการผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ากับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
- เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเก็บเกี่ยว Best Practices ผ่านการศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว (เขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ แขวงจำปาสัก และจังหวัดอุบลราชธานี)
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
ผู้เข้าร่วมอบรม
- ได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจ
- ได้เห็นโอกาสและความท้าทายในการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว และสามารถวิเคราะห์ศักยภาพของพื้นที่ในการลงทุนได้
- ได้ศึกษาดูงานกรณีศึกษาจริงขององค์กรชั้นนำใน สปป. ลาว และประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ ผ่านการใช้โมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน
- สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้ เพื่อการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนในอนาคต
- สามารถประยุกต์ใช้แนวคิดการดำเนินธุรกิจที่ได้รับจากการศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำ เพื่อการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืน
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ
- ผู้บริหารองค์กร ที่ต้องการพัฒนากลยุทธและแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- นักลงทุน และผู้ประกอบการ ที่สนใจขยายโอกาสในการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ และจังหวัดอุบลราชธานี
- ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาองค์กรและธุรกิจ
- นักวิจัยและนักพัฒนา ที่สนใจโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
- เจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้กำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
โครงสร้างหลักสูตร
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจ และโอกาสและความท้าทายในการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว ประกอบด้วย การบรรยาย และการศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ แขวงจำปาสัก และจังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 30 ชั่วโมง/5 วันทำการ ดังนี้
หัวข้อ | ชั่วโมง | ครั้ง (วัน) |
การบรรยาย และสรุป | 12 | 2 |
การศึกษาดูงาน | 18 | 3 |
รวม | 30 | 5 วันทำการ |
เนื้อหาหลักสูตร ประกอบด้วย
1. การบรรยาย หัวข้อ:
-
-
- การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม
- นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และโอกาสการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-ลาว
-
2. การศึกษาดูงานองค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ณ สปป.ลาว และจังหวัดอุบลราชธานี
-
- เขตนิคมอุตสาหกรรมจำปาสัก แขวงจำปาสัก สปป.ลาว – นิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญในเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวใต้ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น
- บริษัท เบียร์ลาว จำกัด แขวงจำปาสัก สปป.ลาว – ผู้ผลิตเบียร์ลาว และผู้นำตลาดเบียร์ใน สปป.ลาว เป็นที่รู้จักดีในตลาดโลก ทั้งคุณภาพเบียร์ที่ได้รับมาตรฐาน รสชาติเบียร์ที่นุ่มละมุน และมีการนำอัตลักษณ์ของความเป็นลาวมาใช้ในการสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์
- โรงงานผลิตกาแฟดาวเรือง “ดาวเฮือง” ปากซอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว – ผู้ผลิตและส่งออกกาแฟคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงในระดับสากล ดำเนินธุรกิจด้านกาแฟอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพ การเก็บ การคั่ว ไปจนถึงออกมาเป็นสินค้า พร้อมจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
- AGRO VEGE FARM ปากซอง แขวงจำปาสัก สปป. ลาว – ผู้ผลิตผักผลไม้ออแกนิคคุณภาพสูงที่ใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว มุ่งเน้นการทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตพืชผลคุณภาพสูง ในขณะที่รักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจท้องถิ่น
- โรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี – ต้นแบบโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด หรือ “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด” ที่ผสมผสานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ (Hydro Floating Solar Hybrid)
- บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด จังหวัดอุบลราชธานี – ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ และเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ที่มุ่งเน้นการนำ BCG (Bio-Circular-Green) Model มาใช้เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งมีการผสมผสานพลังงานชีวภาพ การจัดการของเสีย และเทคโนโลยีสีเขียวในการผลิตเอทานอล
หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการฝึกอบรม หรือสลับกำหนดการ และ/หรือสถานที่ศึกษาดูงานได้ตามความเหมาะสม
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
คุณกัณฑ์พร กรรณสูต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
ฝ่ายความยั่งยืนและรัฐกิจสัมพันธ์
บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล
คุณสิทธิคุณ เทียมประเสริฐ
ประธานสภาอุตสาหกรรม
จังหวัดอุบลราชธานี
ระยะเวลาในการฝึกอบรมและศึกษาดูงาน
ระหว่างวันที่ 20, 25 – 28 กุมภาพันธ์ 2568
ค่าลงทะเบียน
ท่านละ 44,940 บาท (ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
(สำหรับหน่วยงานภาครัฐได้รับการยกเว้นภาษี ค่าลงทะเบียน
ท่านละ 42,000 บาท)
หมายเหตุ
-
-
- กรุณาชำระเงิน ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568
- ค่าลงทะเบียนรวมอาหารกลางวันและอาหารว่าง 2 มื้อต่อวัน (สำหรับการฝึกอบรมในประเทศ) อาหาร 3 มื้อต่อวัน ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด ห้องพักคู่ ค่าใช้จ่ายในการศึกษาดูงาน (สำหรับการศึกษาดูงาน ณ สปป.ลาว เอกสารประกอบการฝึกอบรม และภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การศึกษาดูงาน ณ สปป.ลาว ค่าลงทะเบียนดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ส่วนตัว ค่าซักรีด มินิบาร์ในห้องพัก รวมถึงค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ ค่าน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระที่หนักเกินสายการบินกำหนด
- สถาบันฯ เป็นหน่วยงานราชการ ได้รับยกเว้นไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%
- ข้าราชการมีสิทธิ์เบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบกระทรวงการคลัง และเข้าร่วมอบรมสัมมนาได้โดยไม่ถือเป็นวันลา
- ค่าใช้จ่ายในการส่งบุคลากรเข้าอบรมทางวิชาชีพของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 200%
- หากท่านต้องการยกเลิกการลงทะเบียน กรุณาแจ้งยืนยันการยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษร อย่างน้อย 12 วันทำการ ก่อนวันจัดงาน หากการแจ้งยกเลิกล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดดังกล่าว ทางสถาบันฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าดำเนินการคิดเป็นจำนวนเงิน 30% จากค่าลงทะเบียนเต็มจำนวน
- ในกรณีที่ผู้เดินทางไม่สามารถรับประทานอาหารบางมื้อ และหรือไม่ศึกษาดูงานตามรายการ และ/หรือไม่ได้ทำวีซ่า ไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้
- ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการฝึกอบรมตามความเหมาะสม และราคาทัวร์ในกรณีที่มีการปรับค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง
- ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยน หรือสลับกำหนดการและการสถานที่ดูงานได้ตามความเหมาะสม
-
สถานที่จัดฝึกอบรม
โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพ
เลขที่ 9 ถนนราชปรารภ แขวงประตูน้ำ
เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
สถานที่เยี่ยมชมและศึกษาดูงาน
สปป.ลาว และจังหวัดอุบลราชธานี
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้เข้าอบรมต้องมีเวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 80% และทำกิจกรรม
ทุกหัวข้อของหลักสูตร จึงจะได้รับวุฒิบัตรจาก
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
CONTACT
PHONE & E-MAIL
สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต
(Career for the Future Academy)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ : 0 2644 8150 ต่อ 81901 (คุณปานทิพย์)
โทรสาร : 0 2644 8110
E-MAIL : bas@nstda.or.th
ADDRESS