
“ในปัจจุบัน บริบทโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่ในสังคมดิจิทัล (Digital Society) และสังคมเขียว (Green Society) ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น การตอบสนองที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวจะทำให้เรา องค์กรของเรา ตลอดจนประเทศไทยของเรา สามารถที่จะดำรงอยู่บนบริบทโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน ดังที่ Charles Darwin ได้กล่าวว่า “It is not the strongest species that survive, Nor the most intelligence, But the one most responsive to changes.” ซึ่งการได้เข้าศึกษาในหลักสูตรไอซีทีรักษ์สิ่งแวดล้อม รุ่นที่ 3 หรือ Green ICT Masterclass : GIM3 ทำให้ผมมีความรู้และความเข้าใจที่มากขึ้น และสามารถนำหลากหลายแนวความคิดลงสู่การปฏิบัติจริงที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ โดยในส่วนของการใช้ประโยชน์ ICT ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม (ICT for Green) เช่น การบริหารจัดการการเดินรถเมล์โดยใช้ระบบ ICT และการใช้กล้องวงจรปิดในการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในมหาวิทยาลัย ตลอดจนการนำแนวคิดการบริหารจัดการน้ำโดยใช้ ICT ที่ได้ดูงานจาก Melbourne ประเทศออสตรเลีย มาประยุกต์ใช้งานจริง เป็นต้น และการใช้ ICT อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green ICT) เช่น การประหยัดและการอนุรักษ์พลังงานของอุปกรณ์ ICT การนำ Green IT Guideline ของ NIA ลงสู่ปฏิบัติ การพัฒนาใช้ Cloud Computing และ Green Data Center และการประยุกต์ใช้การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น กล่าวโดยสรุปแล้ว เมื่อนำความรู้บางส่วนมาประยุกต์ใช้แล้วผมเห็นว่า หลักสูตร GIM นี้มีประโยชน์อย่างมากและสร้างผลกระทบ (impact) เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยของผมอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในด้านการประหยัดงบประมาณและพลังงานและการอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย”
1
“ประทับใจมากและเกิดความคาดหวังสำหรับหลักสูตรไอซีทีรักษ์สิ่งแวดล้อม รุ่นที่ 3 (GIM3) ครับ เนื้อหาหลักสูตรดี ทีมงานดี เเพื่อนร่วมรุ่นดี ระหว่างการอบรมได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการออกแบบติดตั้ง Data Center โดยคำนึงถึงความเป็น Green ICT ช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากเลยครับ และที่สำคัญหลักสูตรนี้ช่วยให้ผู้ผ่านการอบรมมีหัวใจเป็นสีเขียวครับ”
“Green ICT (GIM) นับเป็นหลักสูตรที่ท้าทายต่อทุกคน นอกจากจะให้เราได้ช่วยกันขับเคลื่อยองค์กรไปสู่องค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล หลักสูตรนี้จึงรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ในทุกด้านอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์อีกด้วย ท้ายนี้ต้องขอบคุณ สวทช. ที่จัดหลักสูตรนี้ขึ้น และเจ้าหน้าที่โครงการที่ประสานงานและอำนวยความสะดวก”
“ในฐานะเป็นผู้บริหารศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งได้รับโอกาสในการพัฒนาความรู้ให้กว้างขึ้น ด้วยความที่เป็นคนชอบแสวงหาความรู้ใหม่ด้าน IT เพื่อนำไปพัฒนาและประยุกต์ใช้กับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปปรับใช้กับองค์กรให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะด้าน IT สำหรับสนับสนุนงานวิชาการด้านนโยบาย เศรษฐกิจของประเทศในเชิงรุก และสนองต่อระบบเศรษฐกิจด้านการลงทุนที่คุ้มค่า มีผลต่อการประหยัดพลังงาน งบประมาณ และลดภาวะโลกร้อนในระยะยาวได้ ดังนั้น GIM2 ของ สวทช. จึงเป็นหลักสูตรที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดสำหรับการพัฒนางานด้าน Green ICT ที่มีองค์ประกอบของหลักสูตร และวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน ให้แก่ผู้เข้าอบรมทุกท่านสามารถนำไป ปรับใช้กับองค์กรได้จริง ต่อไป”
“หลักสูตรกรีนไอซีสำหรับผู้บริหาร (GIM2) มีประโยชน์และคุ้มค่ามาก เนื้อหาหลักสูตร วิทยากร มีคุณภาพ และครอบคลุมทุกด้านอย่างลงตัว เริ่มจากด้าน Soft Skill เรื่องผู้นำการเปลี่ยนแปลง ตามด้วยความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลักด้านบริหารจัดการและเทคโนโลยีทั้งจากวิทยากรและกรณีศึกษาจากหน่วยงานรัฐและเอกชนชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกลุ่มผู้บริหารรัฐและเอกชนที่เข้าอบรมร่วมกัน สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้กับตัวเองและงานที่รับผิดชอบในองค์กรได้อย่างดี สุดท้าย ขอชื่อชม สวทช. ที่จัดหลักสูตรได้อย่างดีมีคุณภาพ คุ้มค่ากับเวลาและค่าใช้จ่าย รวมทั้งทีมงานที่ดูแลเอาใจใส่ให้ผู้อบรมได้ประโยชน์เต็มที่ตลอดทั้งหลักสูตร”

“ผมเข้าอบรมหลักสูตร NIT ของ สวทช. ด้วยมุ่งหวังว่าการทำหน้าที่ในฐานะ CIO ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ด้วยยความ SMART และหลักจากจบการอบรมหลักสูตร NIT ผมก็ไม่ผิดหวังพราะผมได้มากกว่าสิ่งที่คาดหวังไว้แต่แรก นอกจากองค์ความรู้ที่ได้รับแล้ว ผมยังมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ทั้งเก่งและน่ารัก ผมต้องขอขอบคุณ สวทช. ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ”
John Wanamaker เป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็น “Father of modern advertising” และ “Pioneer in marketing” กล่าวว่า “Half the money I spend on advertising is wasted. But I don’t know which half.”
“ผมได้ยินเรื่องนี้หลังจากมาเข้าอบรมหลักสูตร NIT ซึ่งทำให้ผมเกิดความสงสัย และได้กลับไปศึกษาเพิ่มเติม การเข้าอบรมในหลักสูตรนี้ไม่ได้ทำให้ผมกลายเป็นนักบริหาร ICT ที่เก่งกาจ แต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ของผมให้กว้างออกไปมากขึ้น เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น ในการบริหารจัดการ ICT สามารถพูดภาษาเดียวกันกับผู้ที่ทำงานทางด้าน ICT ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และทำให้เชื่ออยู่ในใจว่าถ้า John Wanamaker เกิดอยู่ในยุคสมัยเดียวกับพวกเรานี้ ครึ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้จะสามารถหาคำตอบได้ด้วยวิธีใด”
“การทำงานที่ธนาคารในปัจจุบันมีงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบ IT ค่อนข้างมาก จึงต้องศึกษาและพัฒนาความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้าน IT ที่มีอยู่ตลอดเวลา หลักส฿ตร NIT ทำให้ได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนการทำงาน แนวคิด พัฒนาการ และแนวโน้มใหม่ ๆ ด้าน ICT จากวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ การศึกษาดูงานด้าน ICT จากองค์กรชั้นนำในต่างประเทศทำให้ได้เห็นตัวอย่างจริงของการนำระบบ ICT มาประยุกต์ใช้อย่างได้ผลในองค์กร และที่สำคัญคือมีโอกาสได้รู่้จักและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมหลักสูตรที่เป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นับเป็นหลักสูตรที่มีคุณค่ามาก”
“การได้เรียนหลักสูตร NIT ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป เพราะตั้งแต่นั้นมา ผมสามารถให้ข้อมูลกับผู้บริหารระดับสูงเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการ ลงทุน หรือการใช้จ่ายด้าน ICT ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ผมสามารถช่วยให้ฝ่าย IT ของสถาบันกำหนดทิศทางและวางแผนการพัฒนาระบบ ICT ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กรได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม และที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ด้วยความผูกพันและเครือข่ายความสัมพันธ์กับ พี่ เพื่อน น้อง ผู้บริหารจากหลากหลายหน่วยงาน ที่เกิดขึ้นในระหว่างการฝึกอบรม การหาความรู้ และการทำงานร่วมกัน ผมเชื่อมั่นว่าไม่มีภารกิจใดที่เจ้านายมอบหมาย แล้วผมจะทำไม่ได้ เพราะผมมีพี่ เพื่อน น้อง อยู่ข้างหลังเสมอ”

“การได้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 3 (Green for Executives: G4X3) ถือเป็นความประทับใจอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในทรัพยากรธรรมชาติแล้วนั้น สำคัญยิ่งกว่าคือการบริหารองค์กรภายใต้การตระหนักถึงความสมดุลในธรรมชาติ รับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม หลักสูตรนี้ทำให้เข้าใจในหลักการการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง”
“ตามที่การไฟฟ้านครหลวงได้คัดเลือกผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมฝึกอบรมหลักสูตรวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหารรุ่นที่ 3 (Green for Executives: G4X3) นั้น พบว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก นอกจากเนื้อหาวิชาการที่เหมาะสมและการดูงานต่างประเทศที่หลากหลาย ทั้งการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Renewable Energy) โดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ฯลฯ นำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างดียิ่ง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดความร่วมมือต่าง ๆ กับผู้ร่วมรุ่นอบรมในหลักสูตรทั้งส่วนงานราชการและภาคเอกชน จึงเป็นหลักสูตรที่เหมาะสมและเห็นควรดำเนินการสนับสนุนให้จัดอบรมอย่างต่อเนื่อง”
ในฐานะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้เข้ารับการอบรมในหลักสูตร “วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 2” ทำให้ได้รับองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเจริญเติบโตสีเขียว (Green Growth) ซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์ สอดคล้องและสมดุลกันระหว่างการพัฒนาและการจัดการสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ผู้บรรยาย และประสบการณ์ที่ได้รับจากเพื่อนร่วมรุ่นจากหลากหลายองค์กรที่แตกต่างสาขาอาชีพ รวมทั้งที่ได้เรียนรู้จากการศึกษาดูงานในต่างประเทศ จึงเห็นว่าเป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่อยากจะขอแนะนำสำหรับผู้บริหารองค์กรได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อนำไปกำหนดนโยบายในหน่วยงานขยายเครือข่ายไปสู่การปฏิบัติในทุกระดับต่อไป เพราะเห็นว่า “สิ่งแวดล้อมมีผลต่อชีวิต เป็นภารกิจของทุกคนในการดูแล”
“หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหาร (Green for Executives: G4X) เป็นหลักสูตรที่ทำให้ผุ้บริหารซึ่งเป็นผู้นำองค์กรเข้าใจพื้นฐานสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น ผลกระทบด้านต่าง ๆ จากการที่มนุษย์ต้องการให้โลกเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยมีการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วจนมนุษย์อาจปรับตัวอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ ในการอบรมหลักสูตรนี้ เนื้อหาสาระและวิทยากรเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และมีึุณภาพอย่างมาก มีการนำตัวอย่างโครงการที่ประสบความสำเร็จในการลดความสิ้นเปลืองของการใช้ทรัพยากร การใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านพลังงานทดแทนหลากหลาย การทำกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำไปใช้ป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ขององค์กร พร้อมทั้งกำหนดแผนนำสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์คงอยู่ได้ด้วยความสุขอย่างยั่งยืนในโลกใบนี้”
รู้สึกประทับใจมากกับหลักสูตร G4X2 ที่ให้ประโยชน์และคุณค่าในเรื่องเนื้อหาคุณภาพหลักสูตร วิทยากรมีความรู้ การคัดเลือกผู้รียน ผู้ร่วมรุ่นทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่หลายหลาย เกิดความรัก ความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งขอชื่นชมน้อง ๆ ทีมงานของ สวทช. ทุกคนที่มี Service Mind ที่ดีเยี่ยม ให้บริการพี่ ๆ ได้ประทับใจมาก ขอให้มีการจัด Brush up หรือ Refresh กับผู้เรียนเดิมด้วย
“หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหาร (Green for Executives : G4X) เป็นหลักสูตรที่ผู้บริหารจะได้รับทราบองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เป็นแนวทางให้ผู้บริหารสามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรสีเขียวอย่างเป็นระบบ ด้วยความรู้และประสบการณ์ของวิทยากรและเพื่อน ๆ ผู้บริหารจากภาครัญและภาคเอกชนที่ได้มาพบและร่วมกันในการอบรม ทำให้ผมมั่นใจว่า แนวทางที่ผมกำลังดำเนินการอยู่มีเทคโนโลยีและเครื่องมือรองรับ และเห็นแนวทางที่จะต่อยอดปยังโครงการใหม่ ๆ ได้อีกมาก ขอบคุณวิทยากรและเจ้าหน้าที่ สวทช. ทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจุดประกายให้ทุกท่านที่เข้าร่วมอบรมและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรสีเขียวให้เกิดขึ้นในธุรกิจ ธุรกรรม ของประเทศ”
ความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสีเขียวสำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 2 (Green fo Executives: G4X2) นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในการเสริมสร้างแนวคิดและประสบการณ์เพื่อขับเคลื่อนและบริหารจัดการองค์กรในการก้าวเข้าสู่การเป็นองค์กรสีเขียว (Green Enterprise) และสังคมคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Society) นอกจากนี้การได้พบปะแลกเปลี่ยนทัศนะกับผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ผ่านการฝึกอบรม การศึกษาดูงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และมีโอกาสพัฒนาไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในโอกาสต่อ ๆ ไปด้วย

ขอขอบคุณ สวทช. ที่จัดหลักสูตรที่ดีสำหรับผู้จัดการด้าน ICT ซึ่งโดยปกติเราจะค้นหาความรู้ข่าวสารเทคโนโลยีส่วนใหญ่จาก Internet แต่จากได้รับการอบรมหลักสูตรนี้ทำให้เรามองเห็นภาพของ Trend IT ในอนาคตจากอาจารย์และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ถ่ายทอดจากการผ่านประสบการณ์จริง การทำ Workshop และการได้ไปสัมผัสประสบการณ์ด้าน IT จากการดูงานที่ต่างประเทศ โดย สวทช.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับมาตรฐาานความรู้ ความสามารถ เทียบเท่ากับบุคลากรด้านไอทีในประเทศอื่น ๆ ให้ได้รับความรู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ สถาบันที่มีความทันสมัย สถานที่ และบรรยากาศน่าเรียนได้รู้จักพี่ ๆ ร่วมรุ่นที่ต่างประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ณ ปัจจุบัน เป็นหลักสูตรที่คุ้มค่ามากครับ
หลักสูตร ICT Management for ICT Manager ของ สวทช. เป็นหลักสูตรที่ดี และมีประโยชน์มาก เหมาะกับผู้บริหารด้านไอที ที่ต้องการพัฒนาตนเองหรือเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการงานไอที เนื้อหาครอบคลุมทุกด้านทั้งด้านทั้งด้านการบริหารจัดการฯ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ควรรู้สำหรับนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งวิทยากรแต่ละท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน นอกเหนือจากความรู้ที่ได้จากการอบรมแล้วยังได้เรียนรู้งานด้านไอทีขององค์กรต่างประเทศที่ไปดูงานทำให้เปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น รวมทั้งได้แลกปลี่ยนประสบการณ์กับหน้วยงานอื่นไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชน ที่อยู่ในวงการไอทีเดียวกันสุดท้ายนี้ขอขอบคุณน้อง ๆ สวทช. ที่ดูแลผู้เข้าอบรมเป็นอย่างดีค่ะ
หลักสูตร ITM รุ่นที่ 4 สำหรับผมแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดีได้เปิดโลกทัศน์ในด้านของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้เห็นตัวอย่างการบริหารจัดการองค์กรที่ดี มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้/แนวทางการดำเนินงานจากประสบการณ์ ของผู้เข้าร่วมอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ สำหรับในส่วนของเนื้อหาของหลักสูตรที่ทาง สวทช. จัดไว้ เช่น บทบาทของผู้จัดการไอซีทีฯ สถาปัตยกรรมการจัดการองค์กร ฯลฯ ทำให้เราเข้าใจและมองเห็นช่องทางในการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปผลักดันในการเตรียมความพร้อม/ปรับใช้ในองค์กร
สวทช. เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้ยมาเพื่อให้ความรู้ทางด้าน ICT เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ประโยคนี้ได้ยินมานานแล้วแต่ได้เข้าใจจริง ๆ เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจากการที่ได้มาเรียนในหลักสูตร ITM รุ่นที่ 3 พบอาจารย์และวิทยากรที่ได้รับเชิญมาสอน แต่ละท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจริง ๆ ที่สำคัญไม่หวงวิชา ที่สำคัญกว่านั้นซึ่งเป็นความจำเป็นต้องมีในสังคม ICT ของไทยเราก็คือได้มีเพื่อน น้อง พี่ เพิ่มอีกหลายท่าน ผมเชื่อว่าเราจะได้มีการพึ่งพากัน ในด้าน ICT ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
“การเข้าร่วมฝึกอบรมหลักสูตร ITM รุ่นที่ 2 ในครั้งนี้ถือเป็น “โอกาสดี” ของชีวิต 3 ประการ ประการแรกคือมีโอกาสดีที่ได้รับรู้ว่ามีสถาบันที่มีการเปิดอบรมหลักสูตรที่ดี ๆ แบบนี้ และได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้เข้ารับการฝึกอบรม ประการที่สองโอกาสดีที่ได้รับองค์ความรู้ที่มีคุณค่าและพบกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลาย ๆ ท่านที่ทรงภูมิ รู้ในด้านวิชาการ IT เป็นอย่างยิ่งและประการสุดท้ายคือการได้พบปะ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้กับเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นบุคลากรที่มีคุณค่าในสายวิชาชีพด้านไอทีจากหน่วยงานต่าง ๆ”

“เป็นหลักสูตรที่ดีมาก โดยเฉพาะผู้ที่จะเริ่มจัดทำระบบการอนุรักษ์พลังงาน (ISO/มอก. 50001 Energy Management System: EnMS) เพราะหลักสูตรนี้จะทำให้มีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานข้อกำหนดและวิธีการจัดทำหรือวางระบบ หลังจากการอบรมแล้ว ทำให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญ ทำให้มีความมั่นใจในการกลับไปจัดการระบบในองค์กรของตนเอง เพราะระหว่างการอบรม มีการฝึกปฏิบัติจริงด้วย ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น”
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมอบรมกับหลักสูตรที่ สวทช. (NSTDA) จัดขึ้น ซึ่งในหลักสูตร ISO 50001 นี้ ผมก็มีความรู้พื้นฐานในการจัดการพลังงานยอยู่บ้าง แต่พอมาฝึกอบรมแล้วรู้สึกได้ว่า ทาง NSTDA ได้วิทยากร (อาจารย์วัลลภ เรืองด้วยธรรม) ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดการพลังงานและการจัดทำ ISO 50001 ได้เป็นอย่างดี และมีประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมฝึกอบรมมาก โดยเนื้อหาของหลักสูตรที่ท่านวิทยากรสอนนั้น มีเนื้อหาที่ไม่มากเกินไปจนผู้เข้าร่วมรู้สึกเบื่อ และ Workshop ก็สอดคล้องกับการจัดกาารพลังงานและการจัดทำ ISO 50001 ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำกลับไปพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน และวางแผนดำเนินการสู่ระบบ ISO 50001 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและประเทศชาติได้ต่อไป ผมขอขอบคุณทาง NSTDA Academy ที่ได้จัดหลักสูตรที่มีเนื้อหาดี ๆ และจัดหาวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์มาแชร์เรื่องการจัดการพลังงานและระบบ ISO 50001 ในครั้งนี้ ผมได้รับความรู้และประสบการณ์จากการทำ Workshop เป็นอย่างมากจริง ๆ ครับ Thanks NSTDA Academy!
หลังจากที่เข้าร่วมอบรมกับทาง สวทช. มาด้วยกันหลายหลักสูตร ทุกๆ หลักสูตรล้วนแต่เป็นความรู้ที่สามารถนำเอากลับไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้จริงเช่นเดียวกับหลักสูตร ISO 50001:2011 – ข้อกำหนดและการนำไปใช้งาน (Energy Management System: EnMS) เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าทาง สวทช. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศ เป็นอีกก้าวหนึ่งของการนำอุตสาหกรรมไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ และหลังจากที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้ ทำให้บอกได้เลยว่า “ประทับใจ” ได้พบเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ร่วมพูดคุย ทำ Case Study ด้วยกัน แลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเห็นในแนวใหม่ ๆ บรรยากาศระหว่างการเรียนก็อบอุ่นเป็นกันเอง สนุกสนาน อ.วัลลภ เรืองด้วยธรรม ท่านวิทยากรหลักสูตร ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถสรุปเนื้อหา ISO 50001:2001 จากเนื้อหาที่ดูว่ามีความซับซ้อนยุ่งยากกลายเป็นเนื้อหาที่สามารถเข้าใจง่าย สามารถมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการจัดทำระบบได้อย่างชัดเจนและครอบคลุม พร้อมทั้งมี Workshop ที่ช่วยให้เราทำความเข้าใจระบบได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในโอกาสนี้ ดิฉันขอขอบคุณและแสดงความชื่นชมต่อคณะทำงานของ สวทช. ที่ได้ช่วยกันพัฒนาหลักสูตรดี ๆ นี้ขึ้นมา เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่สนใจด้านพลังงาน ขอบคุณทางทีมงานที่ให้การต้อนรับดูแลกันเป็นอย่างดีเสมอมา ขอขอบคุณท่านอาจารย์วิทยากรที่น่ารักที่คอยให้ความรู้อย่างเต็มที่ในการสอน ขอขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วม Class เรียนนี้ ที่ทำให้บรรยากาศการเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

“หลักสูตร Service Science เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานแนวคิดด้านธุรกิจและไอทีได้อย่างชาญฉลาด และช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นบนพื้นฐานความคิดเชิงระบบ ตั้งแต่เข้ารับการอบรมมา ผมสามารถนำหลักการมาประยุกต์ใช้ได้ มากมาย ทั้งมุมมองด้านธุรกิจ และการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ”
“เนื้อหาหลักสูตรนำสนอแนวคิดและมุมมองของ Service Science ทั้งด้านการตลาด, การจัดการ, ไอที เพื่อนำมายกระดับกระบวนงานในทุก Touch Point ให้ดีขึ้น รวมทั้งการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ โดยให้ลูกค้ามีส่วนร่วม หรือ Co-Creation ทำให้ได้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง นอกจากนี้ หลังจบ Workshop ทำให้แผนงานใหม่สำหรับเสนอต่อบริษัทได้อีกด้วย”
“หลักสูตร Service Science เป็นหลักสูตรที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้เข้าใจการสร้างนวัตกรรมบริการได้และไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราสามารถหยิบมาประยุกต์กับองค์กรของเราได้ ที่สำคัญหลักสูตรนี้มีวิทยากรมืออาชีพ ทำให้พวกเราได้แนวคิดของ Service Innovation, Co-Creation, Engagement และอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและก่อให้เกิดนวัตกรรมบริการในองค์กรของเราได้”

ภาวะโลกร้อน เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ผมหันมาสนใจอบรมหลักสูตรการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) และการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products: CFP) อย่างจริงจัง ผมได้เลือกอบรมกับ NSTDA Academy เนื่องจากชื่อเสียงของ NSTDA Academy เอง ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหลักสูตรที่เข้มข้นและสดใหม่ ทำให้มุมมองเรื่องสิ่งแวดล้อม ของผมเปิดกว้าง มองผลกระทบหลาย ๆ ด้านและครอบคลุมมากขึ้น บรรยากาศในการอบรม การแสดงมุมมองและแสดงทัศนคติต่าง ๆ จากเพื่อนในหลายอาชีพที่มาอบรมด้วยกัน แะความเป็นมืออาชีพของ NSTDA Academy เอง โดยในตอนนี้ผมได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการอบรมต่อยอดจนเป็นที่ปรึกษาและผู้ทวนสอบขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ได้สำเร็จ ขอขอบคุณ NSTDA Academy ที่จัดการอบรมดีและมีประโยชน์แบบนี้
ผมได้มีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตร “หลักการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์” (Life Cycle Assessment: LCA) และหลักสูตร “การประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์” (Carbon Footprint of Products: CFP) ซึ่งทั้งสองหลักสูตรของ NSTDA Academy เป็นหลักสูตรที่ทำให้ก้าวเป็นที่ปรึกษา (Consultant) และผู้ทวนสอบ (Verifier) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อขอการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ของประเทศไทย ผมได้รับความรู้จากวิทยากร จากเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน รวมถึงได้รับการต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ สวทช. ทุกท่าน ซึ่งในปัจจุบันนี้ผมได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ปรึกษาและผู้ทวนสอบขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) แล้ว ขอขอบคุณวิทยากร เจ้าหน้าที่ สวทช. ทุกท่าน ขอบคุณ NSTDA Academy ที่จัดทำหลักสูตรที่ดีนี้ขึ้นมา และขอขอบคุณอีกครั้งที่มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ความรู้ เกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญาใหญ่ของโลกเราที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน การเผยแพร่ความรู้นี้ทำให้มีบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจและสามารถประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านภาวะโลกร้อนเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีความรู้ความเข้าใจ ทำให้สามารถลดปัญหาภาวะโลกร้อนของเราได้

“ตอนแรกเคยเรียนแต่ Graphic เริ่มต้นไม่ถูก แต่พอมาเรียนก็ได้รู้ว่า ขั้นตอนในการทำเป็นยังไง เพราะเรียนเป็น Step ภาพ มันสื่อสารเข้าใจ เราย่อยข้อมูลไม่ถูก แต่ตอนนี้ชี้ทางถูกแล้ว และสามารถเอาไปใช้งานได้จริง ก็คงเอาไปใช้งานต่าง ๆ ที่ผมทำคือ นำเสนอข้อมูลให้กับรัฐมนตรี ข้อมูลเกษตรกร 77 จังหวัด ที่เป็นสถิติต่าง ๆ หรือ Powerpoint ซึ่งคิดว่าจะทำให้เกษตรกรเห็นข้อมูลแล้วเข้าใจได้ง่ายครับ”
“จากการที่ได้เรียน infographic ปกติกระทรวงก็จะนำเอาผลงาน infographic ไปประชาสัมพันธ์ผลงานของกระทรวง ก่อนหน้านี้ก็จะมีแต่ตัวหนังสือ กราฟ รูปค่อนข้างน้อย อ่านนานกว่าจะเข้าใจ ถ้ามีการนำเสนอด้วย infographic ประชาชน น่าจะอ่านและเข้าใจได้รวดเร็วและมากขึ้น สื่อสารง่ายขึ้น อนาคตน่าจะเอาไปใช้ในการแถลงผลงาน report ซึ่งจากการที่ได้เรียนได้รับความรู้มากเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้รู้ว่า infographic แต่ยังไม่รู้ขั้นตอน รายละเอียด เทคนิคต่าง ๆ การเลือกสี โทนสีต่าง ๆ การย่อยข้อมูล สำคัญมากเลยค่ะ”
“ชอบ Infographic และเป็น Trend ซึ่งทำงาน HR ก็จริงแต่ก็ต้องสื่อสารกับพนักงาน สามารถดึงคนได้ง่ายขึ้นเพราะสื่อสารง่ายขึ้น ชอบการบอกเทคนิคต่าง ๆ ในการเลือกสีในการ Design แต่ก่อนเราก็เคยทำมาบ้างแล้วแต่พอมาเรียนที่นี่ ได้ความรู้และความเข้าใจมากขึ้น เพราะบอกขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการย่อยข้อมูลและขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำเป็นต้น ได้นำความรู้และ Idea และการ Design ตอนแรกไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยจุดไหนก่อน แต่พอมาเรียนรู้สึกเลยว่ามีขั้นตอน มีแพทเทิ่น อย่างไร คือจัดระบบใหม่ ทำให้การสื่อสารภายในองค์กรของตัวเองให้ดีขึ้น งาน HR ก็จะออก Poster ก็จะมีแต่ตัวหนังสือ พวกกฏระเบียบต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นที่สนใจของพนักงานเท่าไหร่ แต่พอเป็น Infographic ก็ทำให้คนสนใจมากขึ้น อ่านมากขึ้น และเข้าใจในการสื่อสารมากขึ้น”
“ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า Graphic Design และ Infographic ไม่เหมือนกัน Infographic มีการคิดเป็นระบบ มีการย่อยข้อมูล มีการคิดเป็นลำดับ ต้น กลาง จบ ซึ่งเป็นงานของ Creative ซึ่ง Graphic จะขาดในส่วนนี้ การได้มาเรียนทำให้สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับงานได้อย่างดีมากเลยค่ะ เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ”