ปัจจุบันต้นทุนด้านพลังงานมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และพลังงานนับวันจะหมดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีระบบการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization: ISO) ได้จัดทำมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management System: EnMS) หรือ ISO 50001:2011 ขึ้น เพื่อให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้นำไปใช้ในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับองค์กรและก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานโดยรวมของโลก โดยมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554 มาตรฐาน ISO 50001:2011 เป็นมาตรฐานระบบการจัดการพลังงานที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ลดปริมาณการปล่อยแก๊สเรือนกระจก และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดการจัดการพลังงานอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ระบบมาตราฐานนี้ สามารถนำไปใช้ได้กับองค์กรทุกขนาด ทุกประเภท และสามารถบูรณาการให้เข้ากับระบบอื่นๆ ได้ โดยปฏิบัติตามหลักการ P-D-C-A คือ วางแผน (Plan) ปฏิบัติ (Do) ตรวจสอบ (Check) และแก้ไขและปรับปรุง (Act) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดหาพลังงาน การตรวจวัด และการรายงานการใช้พลังงาน การจัดซื้อและการออกแบบวิธีปฏิบัติในการใช้เครื่องมือ ตลอดจนระบบและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน

          สำหรับประเทศไทยมีการจัดทำแนวทางการอนุรักษ์พลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีการออกพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 เพื่อกำกับดูแล ส่งเสริม และสนับสนุนให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานด้วยการผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ. 2552 ซึ่งมีการกำหนดขั้นตอนในการดำเนินการจัดการพลังงานไว้สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมเป็นวงรอบ 8 ขั้นตอน โดยมีความคล้ายคลึงกับระบบการจัดการพลังงานตามมาตรฐาน ISO 50001:2011 มาก จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การดำเนินการจัดการพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 50001:2011 ได้ และแม้ว่ามาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001:2011 นี้ จะเป็นมาตรฐานที่ไม่ได้บังคับใช้ องค์กรไม่จำเป็นต้องนำมาปฏิบัติก็ได้ แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า การนำระบบการจัดการพลังงานไปปฏิบัติในองค์กร จะนำมาซึ่งการลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนพลังงานและต้นทุนการผลิตลงอย่างเห็นได้ชัด และส่งผลให้บุคคลากรในองค์กรเห็นคุณค่าและคำนึงถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังช่วยลดอุปสรรคและข้อกีดกันทางการค้าจากนโยบายด้านพลังงาน เกิดการยอมรับในระดับสากล ช่วยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคด้านพลังงานและเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน

          สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้พัฒนาหลักสูตร “ISO 50001:2011 – ข้อกำหนดและการนำไปใช้งาน” ขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระบบการจัดการพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 50001:2011 อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และทราบถึงวิธีการตรวจสอบ การวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค การควบคุมการใช้พลังงานภายในองค์กรอย่างมืออาชีพ และการบูรณาการการจัดการพลังงานตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วกับมาตรฐาน ISO 50001:2011